วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557

Kara the lost princess

คาลา (Kara) 
เจ้าหญิงผู้หายไปแห่งอาณาจักรมนุษย์ ตัวเอกของเรื่อง ที่มาของชื่อมาจาก Super girl ในเรื่อง Superman 
ชื่อจริงขิงเธอคือ Sophie Rose โซฟี ตั้งใจจะให้อารมณ์ชื่อเหมือนเจ้าหญิงแสนสวย ดูอ่อนแอ น่าทนุทนอม อะไรทำนองนั้น


รูปนี้ลองวาดเล่นๆ บางทีเธออาจมีเสื้อเกราะปีศาจ ของขวัญที่เธอได้จาก ซาตาน !?


รูปสุดท้าย สำหรับเพื่อนที่แสนดี อ๋อง วันนี้เป็นวันเกิดมัน มันว่าอย่างนั้น ขอให้มีความสุขมากๆนะ !



วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2557

Lost princess poster !


(เห็นเป็น Poster อย่างนี้แต่หนทางอีกยาวไกลครับ ไกลมาก)

หลายเดือน (หรืออาจเป็นปี) มานี้ ผมไม่ค่อยได้วาดลงสีแบบ ลงรายละเอียดมากมาย ซักเท่าไร ผมพบว่าช่วงหลังมานี้ ผมไม่ค่อยมีความอดทนซักเท่าไร แต่ก็วาดมาเรื่อยๆ (ถึงจะไม่บ่อยก็ตาม) 

พรสวรรณ์ ถึงจะโชคดีที่มี แต่ก็ยังสู้มีพรแสวง ไม่ได้หรอกจริงไหม เพราะถึงไม่สำเร็จ แต่เราก็ได้พยายามทำมันอย่างเต็มที่ ผมพบว่าผมไม่ค่อยมีในส่วนนั้นเลย ยิ่งหน้าเศร้าเข้าไปใหญ่ที่ผมก็รู้ในจุดนั้น แล้วยังไม่เปลี่ยนแปลง ผมคงกลัวการเปลี่ยนแปลง แต่ทำไมนั้นผมก็ยังสสงสัยในตัวเองอยู่

นอกจากวาดแล้ว ยังมีส่วนของเนื้อเรื่องให้คิดอีก และเรื่องสำคัญกว่านี้อีกมาก เพราะงั้น การแบ่งเวลาถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก จะช่วยให้เราดำเนินชีวิตไปได้ราบรื่นขึ้น สำหรับผม ผมเป็นทำอะไรช้ามาก ตัดสินใจช้า ใจลอย โอ้เอ้ ใครก็ตามที่ทำอะไรได้เร็วๆ (ถ้าดีด้วยก็เยี่ยมเลย) แต่ไม่ลวกๆนะ เป็นความทักษะที่น่าอิจฉามาก เพราะ ในชีวิตคุณจะอะไรได้หลายสิ่ง หลายอย่างทีเดียว

เราเริ่มเขียนเรื่องจากส่วนไหนก่อนถึงจะดี ?
จากรูปตัวละครหรืออะไรก็ตามที่วาดเล่นในห้องเรียน จากฉากที่เราประทับใจในหนังหรือเรื่องที่เราชอบ จากภาพจินตนาการถึงฉากหรือเหตุการณ์ที่เราชอบในหัว หรือคุณอาจแค่นั้งมองเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของรอบตัวของคุณก็ได้ (คุณต้องลึกล้ำมาก) แรงบันดาลใจเกิดขึ้นได้จากทุกสิ่ง ความคิดไม่สามารถเกิดขึ้นได้จากอากาศที่ว่างเปล่าเหมือนเวทมนต์ มันมีที่มาที่ไปเสมอ ผมคิดว่าอย่างนั้น แล้วหยิบมาใช้ ซึ่งขั้นตอนนี้ถ้าไม่ระวังมันอาจถูกมองเป็นการคัดลอกเอาได้ ซึ่งนั้นก็ขึ้นกับว่าคุณจะเปลี่ยนแนวคิด มุมมอง เนื้อเรื่องนั้น ได้มากน้อยและน่าสนใจเท่าไร
ยิ่งในปัจจุบันที่มนุษย์ ได้สร้างสรรค์สิ่งต่างๆไว้มากมายจนดูเหมือนกับว่า จะไม่มีอะไรที่เป็น ความคิดใหม่ อีกแล้ว เว้นแต่เราจะต่อยอดความคิดที่มีอยู่แล้วนะ ฟังดูเหมือนยากกว่าในสมัยอดีต แต่มันไม่ได้ต่างกันมากหรอก มันยากเพราะไม่เคยมีใครคิดมันมาก่อน

ผมยังเขียนและวาด เรื่อง Lost princess อยู่ (ผมยังไม่เบื่อหรือถอดใจหรอกนะ)
คนทั้วไปมัก นึกฉากสำคัญๆฉากหนึ่งที่เขาชอบ ซึ่งจะมาจากสิ่งที่คุณเคยเห็นมาจากที่ไหนก็ตาม (คุณต้องเคยมาจากที่ไหนแน่ๆ เพียงแต่คุณจำไม่ได้) แล้วถ้าเขาชอบความคิดนั้นจริง มันก็จะขยายเป็นเรื่องเป็นราว  หรือแค่มองตัวละครที่คุณวาดบนสมุดเรียนและวาดฝันถึงเรื่องราวในชีวิตของเขาหรือเธอ การเขียนเรื่องของคุณอาจเริ่มขึ้นง่ายๆอย่างนี้ก็ได้ 
ผมก็เหมือนคนทั่วไป สำหรับเรื่องนี้ ผมได้แรงบันดาลใจจากฉากจบของ Rapunzel ภาพยนต์ชื่อดังของดิสนี่ ที่นางเอกกลับมาหาพ่อแม่ในที่สุด แต่ถ้ามันเป็นจุดเริ่มต้นละ เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น เจ้าหญิงที่หายไป แล้วชื่อตอน เจ้าหญิงกลับมาแล้ว คงตลกดี แล้วก็ลองเขียนต่อไปดู ถ้าคุณไม่เก่งเรื่องการผูกเรื่องจริง คุณก็จะพบปัญหาทันทีว่าเรื่องของคุณมันไปเรื่อยๆ ไม่ชัดเจน (ผมรู้สึกอย่างนั้น) จนทำให้รู้สึกว่าเรื่องที่เขียนอยู่นี้มันไร้ความคิดจนน่าละอาย แล้วคุณก็เลิก

พวกคุณคงอาจรู้อยู่แล้ว เรื่องของเราต้องมีแก่นเรื่อง คอนเซป แนวคิดหลัก ต้องนี้แหละที่ยากที่สุด ถ้าส่วนนี้น่าสนใจ เรื่องของคุณก็มีโอกาสได้รับความนิยมสูง แต่มันก็ไม่แน่นอน เราไม่อาจคาดเดาว่านักอ่านทั้งหลายข้างนอกนั้นจะชื่นชอบอะไรแบบไหน ความชอบนั้นไม่มีหลักเกณฑ์แน่นอน แนวเรื่องที่ลึกล้ำ อาจไม่เป็นที่นิยมก็ได้ 
ในส่วนองค์ประกอบนี้ถ้าคุณคิดได้จบและดีแล้วในจุดเริ่มต้น มันจะเป็นเหมือนเข็มทิศนำทางให้คุณ เป็นแนวทางในการวางโครงเรื่อง หรืออาจช่วยในการเขียนบทสนทนา มันจะทำให้คุณเห็นทิศทาง จุดประสงค์ ชัดเจนขึ้น ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ 
ถ้าคุณคิดในส่วนนี้ได้ทีหลัง ก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอก เพียงคุณก็ต้องย้อนกลับมาดูโครงเรื่องที่เขียนไปแล้ว แล้วคุณก็จะพบจุดที่ต้องแก้มากมาย จนคุณท้อไปเลย
( ที่จริงมันก็เหมือนงานออกแบบทั่วไป ทั้งสถาปัตยกรรม หรืออะไรก็ตาม )

ลองจำกัดความเรื่องที่คุณกำลังเขียนอยู่ดูสิ 
( ผมคิดว่า มันไม่ควรยาวเกินไปเพราะมันจะดูมั้ว แต่ใครจะไปรู้ละ มันอาจจะดีก็ได้นะ ) 


วันเสาร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2557

สวัสดีปีใหม่ ซึ่งไม่มีอะไรดีขึ้น

สวัสดีปีใหม่ 2014 ครับ ไม่ได้โพสอะไรมานาน ใช่ครับเหมือนผมจะเลิกนิสัยเสียของตังเองไปไม่ได้ ทั้งๆที่รู้กลับไม่แก้ไข อะไรๆก็ดูแย่ไปหมด...

อย่างไรก็ตาม ขอฝากภาพชื้นนี้ไว้ ถึงมันจะช้าไปมากพอดู

2014 ปี แห่งม้า

สำหรับเรื่อง Comic 'Balto' คงต้องหยุดเอาไว้ก่อนเพราะเกิดรู้สึกไม่ชอบเนื้อเรื่องขึ้นมา รู้สึกเหมือนเป็นการเอาของเดิมมาดัดแปลง นิดๆหน่อย แต่อาจจะกลับมาทำต่อก็ได้ (สุดท้ายก็เป็นอย่างนี้จนได้)

อย่างไรก็ตาม ผมก็ได้เริ่มต้นเขียนเรื่องใหม่อีกเรื่อง เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจาก แอนเมชั่นดิสนี่ เรื่อง ราพันเซล ในฉากตอนจบของเรื่องที่ เจ้าหญิงผู้สาบสูญได้กลับสู่ครอบครัวที่แท้จริงของเธอ ถ้าเจ้าหญิงที่หายไปสามารถตะลุยโลกอันโหดร้ายภายนอก และตามหาบ้านเกิดของตนได้เองละ ในตอนนั้นผมรู้สึกว่ามันน่าจะน่าสนุกดี ถึงรูปแบบเรื่องจะไม่ได้แปลกใหม่อย่างไร และ หลังจากได้เริ่มเขียนมา 2-3 หน้า ก็รู้สึกดีที่ได้วาด ถึงจะยังขี้เกี่ยจอยู่ก็เถอะ แต่คิดว่าน่าจะเขึยนได้จนหมด  ตอนแรก ซัก 30 กว่าหน้าประมาณนั้น ซึ่งจะเป็นการ์ตูนเรื่องแรกที่เราตั้งใจเขียน และความยาวมากสุด (ช่างยากเย็นสำหรับเราจริงๆ) และยังคิดจะลงสีทุกหน้าอีก จะเสร็จเมื่อไหรกันนะ ?

ผมให้ชื่อเรื่องนี้ว่า 'LOST PRINCESS' หรือ เจ้าหญิงที่หายไป
การดำเนินเรื่อง สไตร์สี อยากจะใช้แนว Comic แบบฝรั่งซึ่งตอนนี้กำลังคลั่งไคล้อยู่

ด้านล่างคือรูปตัวอย่างหน้าหนึ่งที่ได้เขียนไว้ แสดง เจ้าหญิงผู้กลับมาและมิตรสหายของเธอ


กำลังอยู่ในระหว่างพัฒนาเนื้อเรื่อง เมื่อเสร็จแล้วจะอัพโหลดให้ใครก็ตาม ได้อ่าน (เป็นกำลังใจให้ด้วยนะ!!) รู้สึกแย่กลับตัวเองจริงๆที่หายไปนาน ผมมักจะเป็นอย่างนี้เสมอเลย และช่วงนี้ก็เริ่มยุ่งแล้วด้วยคงไม่ได้เขียนบ่อยซักเท่าไร

วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Heroes of the north : update 01

โพสนี้จะบอกถึงพัฒนาการของการเขียนเรื่องนี้  ครั้งที่ 1


  • การพัฒนาตัวละคร #1
ตัวละครที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงทั้ง 3 
โตโกะ , บัลโต และ ฟริตซ์(น้องชายโตโกะ) เรียงจากซ้ายไปขวา
แต่ตัวละครหลักจริงๆคงเป็น บัลโต และโตโกะ


ในเรื่องจริงจากเท่าทีอ่านมา บัลโตไม่ได้เป็นสุนัขลากเลื่อนที่มีชื่อเสียงมากมายอะไรมาก่อนหน้าเหตุดารณ์โรคระบาด เขาไม่เคยได้นำทีมลากเลื่อนด้วยซ้ำ หรือแม้แต่เข้าร่วมการแข่ง
เนื่องด้วยลักษณะทางกายภาพร่างกายไม่เหมาะสม แต่ด้วยความไว้วางใจของ Gunnar Kaasen Musher ของเขาในเวลานั้น ให้บัลโตได้นำทีมในภารกิจสำคัญนี้ (อุณหภูมิของพายุหิมะในขณะนั้น ลดลงถึง - 57 องศา และวิสัยทัศน์เลวร้ายมาก Musher ต้องหวังพึ่งเพียงการนำทางของสุนัขเท่านั้น) และเขาได้พิสูจน์ตัวเองในที่สุด ทีมของบัลโตเป็นพลัดสุดท้ายที่เดินทางเข้า Nome (การขนส่งวัคซีน ใช้วิธีส่งต่อเป็นทอดๆระหว่างทีมที่ประจำอยู่ในแต่ละจุด 20 ทีม) ทำให้บัลโตซึ่งเป็นผู้นำทีมกลายเป็น ฮีโร่ มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วสหรัฐในเวลาต่อมา

แต่ในหมู่ Musher กล่าวกันว่า ฮีโร่ตัวจริงคือ โตโกะ Musher คือ Leonhard Seppala ซึ่งเป็น Musher ที่มีชื่อเสียงมากในเวลานั้น โตโกะ เป็นสุนัขที่เกิดมาเพื่อเป็นสุนัขลากเลื่อนโดยแท้จริง ด้วยลักษณะร่างกาย ความฉลาด เป็นสุนัขที่มีชื่อเสียงมากเช่นกัน และในภาระกิจนี้ทีมของโตโกะเป็นทีมที่เดินทางระยะไกลที่สุดอีกด้วยในสภาพอากาศเช่นเดียวกัน แต่กลับได้รับความสนใจน้อยกว่าบัลโต
ส่วน ฟริตซ์ เป็นน้องชายต่างพ่อของ โตโกะ นำทีมร่วมกับโตโกะในภารกิจนี้

โดยสรุปแล้ว โตโกะ มีบทบาทมากในเหตุการณ์นี้ และยังมีประวัติน่าสนใจกว่าบัลโตซะอีก

สมาชิกในทีมลากเลื่อนบัลโต

1. Balto (Leader)   2. Autumn (Swing)  3. Snowy (Swing)
4. ??? (Team)   5. ??? (Team)  6. Daylight (Team)   7. Pirate (Team)
8. Max (Wheel)  9. Fox (Wheel)

กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาตัวละคร

การพัฒนา/ สร้าง ตัวละครถือเป็นเรื่องยากและซับซ้อน การสร้างตัวตนอีกตัวตนขึ้นมาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ บางครั้งผมเขียนๆไป พอมาดูอีกทีกลับมีความคล้ายกันของตัวละคร (ไม่หลากหลาย) ต้องหัดวิเคราะห์นิสัยตัวละครจากกรณีตัวอย่าง บางครั้งก็เผลอสะท้อนภาพตัวเองลงไปซะงั้น
ถ้าเอาอย่างง่ายก่อนคงต้องหา ตัวละครที่เป็นแบบ แล้วเอา character มาปรับใช้ หรือ นึกนิสัยเคร่าๆแล้วตามหาตัวละครที่คล้ายคลึงมาศึกษา เราจะได้เข้าใจตัวละครของเรามากยิ่งขึ้น บางครั้ง เราจะเห็นลักษณะตัวละครของจากการสเก็ดภาพขึ้นมาเล่นๆก่อน

ตัวละคร Musher
บัลโต และ Hans (ตัวละครแต่ง) Musher ของเขา เป็นคนชนเผ่าในท้องถิ่น ชอบความเจริญและเริ่มทำงานในเมือง



โตโกะ และ Claire musher สาวรักการผจญภัย มีฝีมือเยี่ยมเพียงไม่กี่คนในอลาสก้า

ในเหตุการณ์จริงไม่มี Musher ผู้หญิง แต่คิดว่าถ้ามีแต่ผู้ชายมันจะไม่มีสีสัน เลยเพิ่มตัวละครหญิงเข้ามา และโดยส่วนตัว ชอบตัวละครผู้หญิงเก่งๆ เก่งกว่าผู้ชายยิ่งดี (ไม่แน่ใจว่าในเวลานั้นจะมี Musher ผู้หญิงบ้างหรือเปล่า ต้องขอไปหาดูก่อน)


  • Story outline
คิดว่าคือ การวางโครงเรื่องอย่างคร่าวๆกำหนดเหตุการณ์สำคัญ หลักก่อน และส่งผลเชื่อมโยงถึงเหตุการณ์สำคัญต่อไปอย่างไง ส่งผลถึงตอนจบในรูปแบบไหน พูดเหมือนง่ายแต่มันยากมาก (ดูเหมือนจะไม่มีอะไรง่ายๆสำหรับผมเลยนะ) บางที่ติดตรงนู้น ตรงนี้ ความเป็นไปได้ก็ดี บางทีสมเหตุผลแล้วแต่มาดูอีกทีเนื้อเรื่องไม่น่าสนใจก็เลิกเอาดื้อๆ แต่มันจะไม่ใช่ครั้งนี้...

สำหรับโครงเรื่อง เรื่องนี้ไม่ยากเลย เพราะมี Outline จากเหตุการณ์จริงอยู่แล้วบางส่วน เพียงแต่ต้องเพิ่มลายละเอียด สร้างเนื้อหาใหม่เข้าไป แถมมีภาคหนังการ์ตูนสุดดังให้เปรียบเทียบอีก ไม่ง่ายซะทีเดียว

จากการวาง Outline คร่าวๆทั้งหมด ค่าดว่าจะมีทั้งหมด 5 ตอนหลัก และตอนส่งท้าย 
ตอนนึงคิดว่าคงไม่ยืดยาวมากจะเอาให้สั้นกระชับ... 

หลังจากวางเหตุการณ์ต่างๆลงตัวในระดับหนึ่งก็ต้อง ลงรายละเอียด บทสนทนา และเหตุการณ์ที่แสดงตัวตน ความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัว (เป้าหมายของผมอยากให้คนดูหลงรักตัวละครผม เหมือนที่ผมรักบัลโตมากๆ) ซึ่งเป็นเรื่องยากที่สุดสำหรับคนอย่างผม...


โพสนี้ขอจบแค่นี้ก่อนละกันนะครับ

เป็นกำลังใจให้ นักวาดอ่อนหัดคนนี้ด้วย



วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2556

PROJECT 01 : Heroes of the north

จากที่ได้ทิ้งท้ายไว้ โพสที่แล้ว ผมได้ตัดสินใจที่จะเขียนการ์ตูนเกี่ยวกับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงใน เมือง Nome Alaska USA ในปี คศ 1925

เหตุผลที่ผมอยากเขียนเรื่องนี้ และสิ่งที่ทำให้ผมไม่อาจเขียนการ์ตูนได้

  • ขาดแรงใจ ความอยาก การเขียนเรื่องที่ชื่นชอบมากๆอาจจะทำให้มีแรงใจ และความอยากที่จะดั้งดนเขียนต่อไปได้  
  • ขาดความสามารถ วาดไม่สวย ไม่ดีบ้างละ ข้อนี้ถ้าไม่เริ่มวาดก็ไม่มีทางดีขึ้น สรุปคือ ทำใจรับสภาพงานตัวเองให้ได้ครับ คิดซะว่าเป็นสไตร์ของเราไป แล้วต่อไปมันจะต้องดีขึ้นแน่ๆ
  • คิด Plot เรื่องไม่ออก รู้สึก Plot ไม่ดีจริง หรือเกิดปัญหาการผูกเรื่อง สุดท้ายก็เลิก สำหรับเรื่องนี้มีโครงเรื่องอยู่แล้วจากเหตุดารณ์จริง น่าจะทำให้ง่ายต่อการคิด Plot ต่อ ผมคิดว่างั้นนะ มือใหม่เอาง่ายๆก่อนละกัน
วัตถุประสงค์ที่ต้องการจะได้จากงานชิ้นนี้
  • ได้รู้เรื่องราวเหตุการณ์จริงๆของการ์ตูนที่ชื่นชอบ (ชอบมาตั้งนาน พึ่งมาหาอ่าน)
  • ได้ฝึกวาด สุนัข การลากเลื่อน บ้านเมือง ผู้คน รวมทั้งมุมฉาก และอื่นๆ
  • ฝึกการวิเคราะห์และ คิด Plot และ ตัวละคร
  • ศึกษาภูมิประเทศ ทีมสุนัขลากเลื่อน ผู้คนท้องถิ่น ประวัติศาสตร์ ลักษณะสุนัข และอื่นๆ เป็นต้น
  • การจัดวางองค์ประกอบหน้ากระดาษ
อุปสรรคที่คาดว่าจะประสบ
  • เรื่องที่เขียนมีสถานที่อยู่ที่ Alaska สุดขอบโลกกับที่ๆผมอาศัยอยู่เลยทีเดียว ข้อมูลที่สามารถหาได้ก็คงเป็น Internet น่าจะเป็นหลัก หนังสือไม่รู้จะมีซักเท่าไร อังกฤษพูดไม่ได้ ไม่มีตังส์ ดังนั้น ลักษณะผู้คน เมือง ความสมเหตุสมผลบางอย่าง คงไม่เหมือนจริงซะทีเดียว จึงขอบอกไว้ก่อน ที่เขียนเพราะอยากและ ใจรักครับ  
  • ขาดแรงใจ ไม่ว่าจะเหตุผลใดๆก็ตาม ต้องหาวิธีปลุกใจเอง
  • เรื่องอื่นๆ งานที่ต้องทำ เป็นต้น
ที่คิดได้ก็มีประมาณนี้ ที่เขียนดูเป็นทางการ เพราะจะแสดงถึงความจริงจัง และเป็นการเตือนตัวเอง หวังว่าจะได้เรื่องนะ

จากเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ Animation เนื้อเรื่องจะเน้น ไปที่ Balto เป็นหลัก ในส่วนเรื่องที่ผมจะเขียน ผมอยากจะให้มี ทีมสุนัขลากเลื่อน ทีมอื่นๆ มีตัวละครสำคัญ อื่น ที่ถูกลืมในเหตุการณ์ในหนัง ความสัมพันธ์ระหว่าง ทีมสุนัขและ มัชเชอร์ เป็นเรื่องที่ดัดแปลงจากเหตุการณ์นี้อีกรูปแบบนึง

รูปนี้เป็นภาพสเก็ตแรก แสดงตัวละครหลัก 2 ตัวละครท่ามกลางเทือกเขาหิมะใน Alaska
ผมจะใช้ชื่อ 'Heroes of the north' สำหรับเรื่องนี้


ภาพร่าง ตัวละครหลักที่ 1 บัลโต นั้นเอง ผมคิดว่าอยากจะเก็บ Plot ที่ว่าเป็นลูกครึ่งหมาป่าไว้ ในส่วนของ Pattern ขนจะคงแบบเดิมไว้


ส่วนหมอนี้ ชื่อ โตโกะ หรือ โตโก้ ฮี่โร่อีกตัวที่ถูกลืม จากเหตุการณ์สำคัญนี้


บัลโต และ ฮาน มัชเชอร์ของเขา (ตัวละครแต่งขึ้น)
Musher = ผู้ควบคุมทีมสุนัขลากเลื่อน
 

ทีมลากเลื่อนของบัลโตและฮาน


 สำหรับโพสนี้ก็เท่านี้ก่อนละกันนะครับ

หมายเหตุ : ขออภัยด้วย Heroes ตกตัว e ไปเพราะความสะเพร่า

วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556

บัลโต ยอดสุนัขนักสู้ (Balto 1995)

โพสนี้จะเล่าถึงที่มาของสไตร์ และแรงบันดาลใจในการเริ่มวาดรูป ของผม ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากการ์ตูนเรื่องนี้ครับ


BALTO หรือชื่อไทย บัลโต ยอดสุนัขนักสู้ 
เริ่มฉายในปี 1995 
จำได้ว่าเคยดูเรื่องนี้จากวีดีโอหลายรอบมากตอนประถมต้น แต่ยังไม่ได้รู้สึกหลงไหลมากมายอะไร จนเราลืมเนื้อเรื่องไป มาเจอกล่องวีดีโออีกทีตอนมัธยมต้น แวบแรกที่เห็นภาพจากปก VDO ผมคิดว่ามันเหมือนรักแรกพบเลยละ (ใจมันเต้นอย่างบอกไม่ถูก) หลังจากนั้นก็มองอะไรเป็นบัลโตซะหมด เริ่มวาดการ์ตูนหมาป่า และค้นพบตัวเองว่า เป็น Furry (การ์ตูนสรรพสัตว์ที่มีลักษณะท่าทางบางอย่างเหมือนมนุษย์ )










รอยยิ้มนี้ ทำให้หัวใจเราละลายเลยละ

Character sheet 

 Stoyboard

โดยอัฉริยะที่ออกแบบตัวละครซึ่งทำให้ผมหลงไหลได้ถึงขนาดนี้ ก็คือ
 คุณ Carlos Grangel ( http://www.grangelstudio.com/ )

สไตร์ของการ์ตูนเรื่องนี้คิดว่าได้อิทธิพลมาจากการ์ตูนดิสนีเก่าๆอีกที เช่น The fox and the hound (1981) , Lady and the tramp (1955) และอีกหลายๆเรื่อง  

ผมคิดว่าสิ่งที่ผมชอบและเป็นเอกลักษณ์ของการ์ตูนฝรั่ง (นอกจากรูปร่างโครงหน้าของหมาป่าที่ผมคิดว่าสวยงามตามธรรมชาติอยู่แล้ว) คือ ลักษณะดวงตากลมโต รอยยิ้มที่คล้ายมีลักยิ้ม และเชื่อว่า การ์ตูนเรื่องนี้เป็นต้นแบบสไตร์การวาด หมาป่า ของ Furry เกือบทั้งโลก


ภาพด้านล่างเป็นสไตร์การวาดของผมในปัจจุบัน


เรื่องราวของการ์ตูน กล่าวถึงเหตุการณ์การระบาดของโรคคอตีบที่กระจายไปทั่วโนม อลาสก้า ด้วยสภาพอากาศที่เลวร้าย จึงต้องอาศัยสุนัขลากเลื่อน บัลโต ฮัสกี้ลูกครึ่งหมาป่า เป็นผู้นำทีมขนส่งยามายังโนม 

ผ่านมาหลายปี ผมพึ่งมาลองหาอ่านเรื่องจริงของเหตุการณ์นี้ จึงได้รู้ว่าการ์ตูนค่อนข้างจะดัดแปลงไปพอควร ที่จริงแล้วบัลโตไม่ได้ถือเป็นฮีโร่เพียงผู้เดียวในวีรกรรมครั้งนี้ อาจจะด้วยกระแสความดังของ บัลโตในยุคนั้น ก็เป็นได้ จึงส่งผลให้ผมอยากจะ เขียนเรื่องนี้ใหม่ในแบบของผม (ถือเป็น Fan comic แล้วกัน) 
[ Project 01 เริ่มขึ้น]....

วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สวัสดีครับ!! ผมอยากเป็นนักวาดการ์ตูน !

โพสแรก ในบล็อกแรกในชีวิต ก็ขอบคุณละกันครับที่แวะเข้ามา จะใครก็ตามที่หลงเข้ามา 
ผมขอเรียกตัวเองว่า Kit ก็แล้วกัน 

ผมอยากเป็น นักเขียนการ์ตูน ครับ ! หรือ นักวาดภาพประกอบ หรืออะไรทำนองนั้น เป็นสิ่งที่อยากเป็นแรกในชีวิตก็ว่าได้ แต่ผมดันเป็นคนขี้เกียจ จนถึงเดี๋ยวนี้เลยไปไม่ถึงไหน มาถึงตอนนี้อยากทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน เลยคิดว่าการเขียนบล็อกน่าจะช่วย ให้มีความสม่ำเสมอขึ้น ผมคิดว่ายังงั้นนะ ดั้งนั้น เรื่องที่ผมอยากจะโพสก็ไม่พ้นเรื่องการ์ตูน งาน ภาพสเก็ตต่างๆ ความเป็นไปของเรื่องที่ผมกำลังเขียนอยู่ จนเขียนเสร็จแล้ว ผมจะอัพโหลดให้ใครก็ตามที่สนใจอยากจะอ่านงานมือสมัครเล่น (ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีนะ) ถือเป็น Web comic รึเปล่านะ? 

การเขียนการ์ตูนเป็นเรื่องยากมาก มันเหมือนกับการสร้างหนัง แต่เราดันต้องเป็นทุกตำแหน่ง(ถ้าเขียนคนเดียวนะ) ทั้ง Costume ฉาก กำกับบท มุมกล้อง ไหนยังจะฝีมือในการวาดอีก การศึกษาค้นคว้าอีก สรุปคือ นักวาดการ์ตูน สุดยอดครับ การเป็นนักวาดการ์ตูนจะทำให้มีความรู้รอบตัวมากขึ้นจากการทำการค้นคว้า เพราะฉะนั้นมันไม่ได้ไร้สาระซะทีเดียว แต่ก็ประสบความสำเร็จได้ยาก เหมือนการเป็นศิลปินนั้นแหละ ผมพึ่งจะเริ่มต้น แต่มาถึงช้าดีกว่าไม่มีโอกาสได้ไปถึง หรืออาจจะไปไม่ถึงแต่ได้พยายามก็ยังดี

ส่งท้ายด้วยรูปนี้ครับ


วาดด้วย Bamboo 
ลงเส้นด้วย Corel Painter Essentials 4 
ลงสีด้วย Photoshop

ส่วนทำไมต้องเป็นหมาป่า จะอธิบายทีหลังละกันครับ